บันทึก กัญจนณัฐ ปัญญาลิขิตกุล
การปรับปรุงพัฒนาโรงเรียน 3 ดี ที่โรงเรียนวัดคลองโพธิ์ ตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครนายก
เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน 3 ดี
มาตรฐานห้องสมุดและตัวบ่งชี้ เพื่อการพัฒนาคุณภาพห้องสมุด โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๒
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ให้ความสำคัญของการพัฒนาห้องสมุดและส่งเสริมการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาผู้เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องสมุดโรงเรียนอันเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญในการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษา ตลอดจนสามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชนได้อีกด้วย จึงได้จัดทำมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับบุคลากรทุกคนในโรงเรียนได้ร่วมมือกันดำเนินงานตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยใช้ผลจากการสำรวจข้อมูลการดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในปี ๒๕๕๒ข้อมูลจากงานวิจัยร่วมกับยูเนสโกประเทศไทยเรื่อง รายงานผลการสำรวจข้อมูลการเรียนรู้ข่าวสารผ่านทางห้องสมุดโรงเรียน ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ และเกณฑ์การประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เป็นแนวทางในการจัดทำและเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานพัฒนาตลอดจนสอดคล้องกับการประเมินคุณภาพของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ดังนั้น มาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน จึงมี ๔ หมวด คือ
หมวดที่ ๑ มาตรฐานด้านผู้บริหาร
หมวดที่ ๒ มาตรฐานด้านครู
หมวดที่ ๓ มาตรฐานด้านผู้เรียน
หมวดที่ ๔ มาตรฐานด้านทรัพยากรสารสนเทศ
นอกจากนี้ยังได้กำหนดเกณฑ์การประเมินแนวทางการให้คะแนนไว้ในแต่ละตัวบ่งชี้ทุกมาตรฐาน ผู้ดำเนินงานสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของตนเองเพื่อพัฒนาได้ทุกระยะ และสามารถก้าวสู่มาตรฐานที่สูงกว่าเดิมได้หากมีความพร้อมและที่สำคัญที่สุด คือ หากดำเนินงานได้ครบถ้วนก็สามารถสร้าง “ห้องสมุด และบรรยากาศที่ดี ครูบรรณารักษ์ / ครูทำหน้าที่บรรณารักษ์ที่ดี หนังสือที่ดี” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นเป้าหมายตรงกันของผู้ใช้ทุกระดับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิและคณะทำงานทุกท่านที่ได้ระดมพลังปัญญา ความสามารถ ตลอดจนช่วยเหลือในการทดลอง ปรับปรุง และให้ความเห็นเพิ่มเติม จนกระทั่งได้ มาตรฐานห้องสมุด ตัวบ่งชี้ และเกณฑ์การพิจารณาเพื่อการประเมินคุณภาพห้องสมุด ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน : ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา สำหรับใช้กับโรงเรียนในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลให้ห้องสมุดโรงเรียนทุกแห่งได้พัฒนาไปสู่มาตรฐานตาม
ศักยภาพของตนเองและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนต่อไป
(คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กรกฎาคม ๒๕๕๒
มาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน
ความสำคัญและความเป็นมา
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า การอ่านคือ การเรียนรู้ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปเพียงใดแต่หากพื้นฐานการอ่านไม่เข้มแข็งก็ไม่อาจก้าวทันความรู้เหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ในการกำกับ ดูแล บริหารจัดการ พัฒนาโรงเรียนในสังกัด ซึ่งแต่ละโรงเรียนจะมีขนาดและจำนวนนักเรียนแตกต่างกันมีทั้งโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนทุกแห่งพัฒนาห้องสมุดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนและชุมชน เพื่อเป็นการพัฒนาการศึกษาและคุณภาพผู้เรียนให้มีความรอบรู้ ทันเหตุการณ์ เป็นบุคคลที่มีนิสัยรักการอ่านการค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวประสบผลสำเร็จมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน จึงได้นำข้อมูลจากการสำรวจเรื่องห้องสมุดของสำนักคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน และงานวิจัยร่วมกับยูเนสโกประเทศไทยเรื่อง รายงานผลการสำรวจข้อมูลการเรียนรู้ข่าวสารผ่านทางห้องสมุดโรงเรียน ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ มาจัดทำเป็นมาตรฐาน ทั้งนี้โดยให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาชาติ และสอดคล้องกับการประเมินคุณภาพของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในขณะเดียวกันได้ระบุวิธีการประเมิน เกณฑ์การประเมิน แนวทางการให้คะแนน ตลอดจนข้อมูลเชิงประจักษ์ไว้ด้วย เพื่อความสะดวกในการประเมินเพื่อพัฒนาตนเอง และสำหรับคณะประเมินจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้โรงเรียนอาจพัฒนาต่อเนื่องให้เต็มที่ตามศักยภาพของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในฐานเดิมของตน อนึ่งวิธีการประเมินตนเองนั้นสามารถทำได้ทุกระยะของการดำเนินงาน ดังนั้นมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียนที่กำหนดจึงเป็นมาตรฐานที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ดำเนินการพัฒนาห้องสมุดในโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งแบ่งเป็น ๔ หมวด คือ
หมวดที่ ๑ มาตรฐานด้านผู้บริหาร
หมวดที่ ๒ มาตรฐานด้านครู
หมวดที่ ๓ มาตรฐานด้านผู้เรียน
หมวดที่ ๔ มาตรฐานด้านทรัพยากรสารสนเทศ
อนึ่งในการจัดทำมาตรฐานครั้งนี้ ได้พิจารณาถึงสภาพความเป็นจริงของการดำเนินงานในโรงเรียน ซึ่งการขับเคลื่อนให้ห้องสมุดมีชีวิตนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียนเป็นหลักและเพื่อ ประโยชน์ของผู้ดำเนินงานทุกคนในการประเมินคุณภาพจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในขณะเดียวกันสภาพอันพึงประสงค์ของห้องสมุดโรงเรียนทุกแห่งที่ผู้ใช้มีความเห็น และมีความต้องการตรงกันก็คือ
(๑) มีห้องสมุดและบรรยากาศที่ดี เอื้ออำนวยในการเข้าใช้บริการ
(๒) มีครูบรรณารักษ์ / ครูทำหน้าที่บรรณารักษ์ที่ดี มีความรู้ความเข้าใจ และมีความพร้อมในการให้บริการด้วยอารมณ์อันแจ่มใส
(๓) มีหนังสือที่ดี มีเนื้อหาสอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีหนังสืออ่านเพิ่มเติมที่มีเนื้อหาสนุกสนาน เพลิดเพลิน ให้ความรู้ในเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมจินตนาการ จรรโลงสังคม และตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า หากบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียนดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียนได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนให้มีลักษณะที่พึงประสงค์ดังกล่าวแล้วข้างต้น
มาตรฐานห้องสมุดและตัวบ่งชี้
มาตรฐานห้องสมุด และตัวบ่งชี้
เพื่อการประเมินคุณภาพห้องสมุดระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน :ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
หมวดที่ ๑ มาตรฐานด้านผู้บริหาร มี ๓ มาตรฐาน ได้แก่
มาตรฐานที่ ๑ ผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารจัดการ
มาตรฐานที่ ๒ ผู้บริหารส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาห้องสมุด มาตรฐานที่ ๓ ผู้บริหารเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเอง
ตัวบ่งชี้ในแต่ละมาตรฐาน มีดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารจัดการ มี ๖ ตัวบ่งชี้
๑.๑ ผู้บริหารจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ตามความเหมาะสม
๑.๒ ผู้บริหารมีการกำหนดนโยบาย แผนงาน การดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๓ ผู้บริหารจัดให้มีโครงสร้างการบริหารงานที่ชัดเจน
๑.๔ ผู้บริหารจัดให้มีครูทำหน้าที่บรรณารักษ์และบุคลากรดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๕ ผู้บริหารจัดหางบประมาณสำหรับพัฒนาห้องสมุด
๑.๖ ผู้บริหารนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน
มาตรฐานที่ ๒ ผู้บริหารส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาห้องสมุด
มี ๔ ตัวบ่งชี้
๒.๑ ผู้บริหารจัดให้ชุมชนมาใช้บริการห้องสมุดในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง
๒.๒ ผู้บริหารจัดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
๒.๓ ผู้บริหารเปิดโอกาสให้ชุมชนเป็นกรรมการงานห้องสมุด
๒.๔ ผู้บริหารสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานและองค์กรอื่น ๆ เพื่อพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
มาตรฐานที่ ๓ ผู้บริหารเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเอง มี ๓ ตัวบ่งชี้
๓.๑ ผู้บริหารเข้ารับการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้าน ห้องสมุดอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
๓.๒ ผู้บริหารใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน
๓.๓ ผู้บริหารมีนิสัยรักการอ่าน
หมวดที่ ๒ มาตรฐานด้านครู
๒.๑ ครูบรรณารักษ์ มี ๕ มาตรฐาน ดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการดำเนินงานห้องสมุด
มาตรฐานที่ ๒ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการปฏิบัติงานเทคนิค
มาตรฐานที่ ๓ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการให้บริการ
มาตรฐานที่ ๔ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการจัดกิจกรรม
มาตรฐานที่ ๕ ครูบรรณารักษ์มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
๒.๒ ครูผู้สอน มี ๓ มาตรฐาน ดังนี้
มาตรฐานที่ ๖ ครูผู้สอนมีการใช้ห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอน
มาตรฐานที่ ๗ ครูผู้สอนมีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่นักเรียน
มาตรฐานที่ ๘ ครูผู้สอนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ครูบรรณารักษ์
ตัวบ่งชี้ในแต่ละมาตรฐาน มีดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการดำเนินงานห้องสมุด มี ๗ ตัวบ่งชี้
๑.๑ ครูบรรณารักษ์มีการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจการพัฒนางานห้องสมุดโรงเรียน ๑.๒ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำแผนงาน / โครงการพัฒนาห้องสมุดที่มีการกำหนด เป้าหมายหรือจุดประสงค์ที่ชัดเจน
๑.๓ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำแผนงาน / โครงการห้องสมุดที่สอดรับกับแผนกลยุทธ์ ของโรงเรียน ๑.๔ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำโครงสร้างการปฏิบัติงาน (งานบริหารจัดการห้องสมุด งานประชาสัมพันธ์ งานเทคนิค งานบริการ และงานกิจกรรมอย่างครบถ้วน) ๑.๕ ครูบรรณารักษ์มีการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้ ๑.๖ ครูบรรณารักษ์มีการประเมินผลการดำเนินงาน
๑.๗ ครูบรรณารักษ์มีการนำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนางานห้องสมุด
มาตรฐานที่ ๒ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการปฏิบัติงานเทคนิค มี ๗ ตัวบ่งชี้
๒.๑ ครูบรรณารักษ์จัดให้มีทรัพยากรสารสนเทศที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับการจัดการเรียน การสอนตามหลักสูตร
๒.๒ ครูบรรณารักษ์จัดให้มีทรัพยากรสารสนเทศที่มีเนื้อหาตรงตามความต้องการของผู้ใช้ บริการ
๒.๓ ครูบรรณารักษ์จัดหมวดหมู่ และทำบัตรรายการหรือทำรายการ (ด้วยฐานข้อมูลระบบ คอมพิวเตอร์) ของทรัพยากรสารสนเทศ
๒.๔ ครูบรรณารักษ์ปฏิบัติงานเทคนิคเพื่อเตรียมให้บริการ
๒.๕ ครูบรรณารักษ์ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศอย่าง เหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน
๒.๖ ครูบรรณารักษ์ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศได้ สะดวกต่อการเข้าถึงและใช้บริการ ๒.๗ ครูบรรณารักษ์สำรวจและบำรุงรักษาทรัพยากรสารสนเทศให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ มาตรฐานที่ ๓ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการให้บริการ มี ๘ ตัวบ่งชี้
๓.๑ ครูบรรณารักษ์จัดทำระเบียบการใช้ห้องสมุดโรงเรียน
๓.๒ ครูบรรณารักษ์จัดทำตารางการใช้ห้องสมุดที่ ชัดเจน
๓.๓ ครูบรรณารักษ์มีการจัดการแนะนำการใช้ห้องสมุด
๓.๔ ครูบรรณารักษ์จัดบริการการอ่าน และการศึกษาค้นคว้า
๓.๕ ครูบรรณารักษ์จัดบริการยืม- คืน
๓.๖ ครูบรรณารักษ์จัดบริการตอบคำถามและช่วยค้นคว้า
๓.๗ ครูบรรณารักษ์จัดบริการเชิงรุกอย่างหลากหลาย
๓.๘ ครูบรรณารักษ์จัดบริการสืบค้นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์และทางอินเทอร์เน็ต
มาตรฐานที่ ๔ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการจัดกิจกรรม มี ๓ ตัวบ่งชี้
๔.๑ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมห้องสมุดเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๔.๒ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างหลากหลาย
๔.๓ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง
มาตรฐานที่ ๕ ครูบรรณารักษ์มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มี ๔ ตัวบ่งชี้
๕.๑ ครูบรรณารักษ์ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และมีนิสัยรักการอ่าน
๕.๒ ครูบรรณารักษ์เข้ารับการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน อย่างต่อเนื่อง
๕.๓ ครูบรรณารักษ์เป็นสมาชิกสมาคมและหรือชมรมวิชาชีพ ที่เกี่ยวกับห้องสมุด
๕.๔ ครูบรรณารักษ์สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับ การดำเนินงานห้องสมุด
ครูผู้สอน มี ๓ มาตรฐาน ดังนี้
มาตรฐานที่ ๖ ครูผู้สอนมีการใช้ห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอน มี ๔ ตัวบ่งชี้
๖.๑ ครูผู้สอนมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการการใช้ห้องสมุดในสาระการเรียนรู้ที่ ตนเองรับผิดชอบ
๖.๒ ครูผู้สอนมีส่วนร่วมในการเสนอหรือคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
๖.๓ ครูผู้สอนมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้
๖.๔ ครูผู้สอนมีส่วนร่วมในการประเมินผลการใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้
มาตรฐานที่ ๗ ครูผู้สอนมีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่นักเรียน มี ๗ ตัวบ่งชี้
๗.๑ ครูผู้สอนจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในสาระการเรียนรู้ที่ตนเอง รับผิดชอบอย่างหลากหลาย
๗.๒ ครูผู้สอนจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในสาระการเรียนรู้ที่ตนเอง ตนเองรับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ
๗.๓ ครูผู้สอนประสานความร่วมมือกับครูบรรณารักษ์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริม นิสัยรักการอ่าน
๗.๔ ครูผู้สอนประเมินผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน
๗.๕ ครูผู้สอนประเมินผลงานที่เกิดจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของ นักเรียน
๗.๖ ครูผู้สอนรายงานผลการประเมินผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านต่อ ผู้บริหารโรงเรียน
๗.๗ ครูผู้สอนนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน มาตรฐานที่ ๘ ครูผู้สอนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มี ๓ ตัวบ่งชี้
๘.๑ ครูผู้สอนใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาการสอนและพัฒนาตนเอง ๘.๒ ครูผู้สอนเข้ารับการประชุม อบรม สัมมนา ศึกษาดูงานด้านห้องสมุดหรือแหล่ง การเรียนรู้ / กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปีการศึกษา ๘.๓ ครูผู้สอนมีนิสัยรักการอ่าน
หมวดที่ ๓ มาตรฐานด้านผู้เรียน มี ๒ มาตรฐาน
มาตรฐานที่ ๑ ผู้เรียนมีความสามารถในการรับรู้ เข้าถึง และใช้ประโยชน์จากสารสนเทศ
มาตรฐานที่ ๒ ผู้เรียนมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนและมีนิสัยรักการอ่าน
ตัวบ่งชี้ในแต่ละมาตรฐาน มีดังนี้
มาตรฐานที่ ๑ ผู้เรียนมีความสามารถในการรับรู้ เข้าถึง และใช้ประโยชน์จากสารสนเทศมี ๘ ตัวบ่งชี้
๑.๑ ผู้เรียนกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้
๑.๒ ผู้เรียนค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๑.๓ ผู้เรียนตัดสินใจเลือกสารสนเทศที่เข้าถึงได้อย่างถูกต้อง
๑.๔ ผู้เรียนสรุป เรียบเรียงแนวคิดจากสารสนเทศที่ค้นพบได้
๑.๕ ผู้เรียนจัดเก็บ / เผยแพร่สารสนเทศได้
๑.๖ ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้จากการศึกษาค้นคว้าได้
๑.๗ ผู้เรียนมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ
๑.๘ ผู้เรียนมีคุณธรรมและจริยธรรม ในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ
มาตรฐานที่ ๒ ผู้เรียนมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียนและมีนิสัยรักการอ่าน มี ๕ ตัวบ่งชี้
๒.๑ ผู้เรียนเข้าใช้ห้องสมุดอย่างสม่ำเสมอ
๒.๒ ผู้เรียนยืมหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
๒.๓ ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่โรงเรียนจัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
๒.๔ ผู้เรียนมีปริมาณการอ่านหนังสือเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับระดับชั้น
หมวดที่ ๔ ทรัพยากรสารสนเทศ มี ๒ มาตรฐาน
มาตรฐานที่ ๑ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุตีพิมพ์
มาตรฐานที่ ๒ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุไม่ตีพิมพ์
ตัวบ่งชี้ในแต่ละมาตรฐาน
มาตรฐานที่ ๑ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุตีพิมพ์
๑.๑ ห้องสมุดมีจำนวนหนังสือ หนังสืออ้างอิง วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร ในปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับหลักสูตร และความต้องการของผู้ใช้บริการ ๑.๒ ห้องสมุดมีหนังสือที่สอดคล้องกับหลักสูตรและตอบสนองความเพลิดเพลินจำนวน ๒๐ เล่มขึ้นไปต่อนักเรียนหนึ่งคน
๑.๓ ห้องสมุด มีหนังสืออ้างอิง ๑ เล่ม ต่อนักเรียน ๒๐ คน และมี ๑.๓.๑ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๑ เล่มต่อนักเรียน ๑๐๐ คน
๑.๓.๒ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ๑ ชุดต่อนักเรียน ๑๐๐ คน (ถ้านักเรียน ๑,๐๐๐ คนขึ้นไปมี ๑๐ ชุด)
๑.๓.๓ เอกสารหลักสูตรสำหรับครู ได้แก่ หลักสูตร และเอกสารประกอบหลักสูตร ครบทุกชั้นทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๑.๔ ห้องสมุดมีวารสาร / นิตยสารที่มีการบอกรับเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ๕ ชื่อเรื่องขึ้นไป ๑.๕ มีหนังสือพิมพ์ ๒ ชื่อเรื่องขึ้นไป
มาตรฐานที่ ๒ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุไม่ตีพิมพ์ มี ๑ ตัวบ่งชี้
๒.๑ มีวัสดุ สื่อประกอบการเรียนรู้ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในปริมาณที่ เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักสูตร และความต้องการของผู้ใช้บริการ ดังนี้
๑. ลูกโลก ๑ ลูก
๒. แผนที่
๓. เกม ๑๐ เกม
๔. ของเล่นเสริมทักษะ ๑๐ ชุด
๕. ชุดภาพพลิก ๕ ชุด
๖. วีดิทัศน์ ๒๐ เรื่อง
๗. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ๕ ชุด (เฉพาะโรงเรียนที่มีคอมพิวเตอร์)
๘. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
๙. อินเทอร์เน็ต ๒ ชุดขึ้นไปหรือเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ ในห้องสมุด (เฉพาะโรงเรียนที่มีโครงข่ายโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ใช้ใน ห้องสมุด)
เกณฑ์การประเมินคุณภาพ
พอใช้ (ควรปรับปรุง)
ดี
ดีเยี่ยม
มีคะแนน
น้อยกว่า ๗๐ คะแนน
มีคะแนน
๗๑ - ๘๕ คะแนน
มีคะแนน
มากกว่า ๘๕ คะแนน
เกณฑ์การประเมิน / แนวทางการให้คะแนน
เกณฑ์การประเมิน / แนวทางการให้คะแนน
มาตรฐานห้องสมุดโรงเรียน
หมวดที่ ๑ มาตรฐานด้านผู้บริหาร
มาตรฐาน
ตัวบ่งชี้
เกณฑ์การประเมิน
ข้อมูลเชิงประจักษ์
มาตรฐานที่ ๑ ผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารจัดการ
๑.๑ ผู้บริหารจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ตามความเหมาะสม
๑. ๑.๑ มีห้องสมุดไว้บริการนักเรียน ครู และบุคลากรภายในโรงเรียน
แนวทางการให้คะแนน
โรงเรียนขนาดเล็ก
- มี ครึ่งห้องเรียน ได้ ๑ คะแนน
- มีห้องสมุด ๑ ห้องเรียน
ได้ ๒ คะแนน
- มีห้องสมุด ๒ ห้องเรียน
ขึ้นไป หรือเป็นอาคารเอกเทศ
ได้ ๓ คะแนน
โรงเรียนขนาดกลาง
- มีห้องสมุด ๑ ห้องเรียน
ได้ ๑ คะแนน
- มีห้องสมุด ๒ ห้องเรียน
ได้ ๒ คะแนน
- มี ๓ ห้องเรียนขึ้นไปหรือเป็นอาคารเอกเทศ ได้ ๓ คะแนน
โรงเรียนขนาดใหญ่
- มีห้องสมุด ๑ - ๒ ห้องเรียน ได้ ๑ คะแนน
- มีห้องสมุด ๓ ห้องเรียน ได้ ๒ คะแนน
- มีห้องสมุด ๔ ห้องเรียนขึ้นไปหรือเป็นอาคารเอกเทศ ได้ ๓ คะแนน
หมายเหตุ
-โรงเรียนขนาดเล็ก จำนวนนักเรียน ๑ – ๓๐๐ คน
(รวมจากขนาดที่ ๑ – ๓ เดิม)
-โรงเรียนขนาดกลาง จำนวนนักเรียน ๓๐๑ – ๑,๔๙๙ คน
(รวมจากขนาด ๔ – ๕ เดิม)
-โรงเรียนขนาดใหญ่ จำนวนนักเรียน ๑,๕๐๐ คนขึ้นไป
(รวมจากขนาดที่ ๖ – ๗ เดิม)
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
สังเกต
- ห้องสมุด
- อาคารเอกเทศ
- แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ
๑.๑.๒ ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม มีสภาพดี และให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
แนวทางการให้คะแนน
ห้องสมุดมีลักษณะต่อไปนี้ ให้ข้อละ ๑ คะแนน
๒.๑ เป็นศูนย์กลาง สะดวกต่อการเข้าไปใช้บริการ
๒.๒ มีสภาพดี ได้ ๒ คะแนน
๒.๓ มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
สังเกต
๑.๑.๓ จัดวัสดุครุภัณฑ์ ทรัพยากรสารสนเทศที่เพียงพอและเหมาะสม
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะต่อไปนี้ ให้ข้อละ ๑คะแนน
๓.๑ มีวัสดุครุภัณฑ์ เพียงพอกับการใช้บริการ
๓.๒ มีวัสดุครุภัณฑ์ เหมาะสมกับวัยของนักเรียน
๓.๓ มีทรัพยากรสารสนเทศที่เพียงพอกับการใช้บริการ
๓.๔ มีทรัพยากรสารสนเทศเหมาะสมกับวัยของนักเรียน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๓ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๔ คะแนน
สังเกต
ทะเบียนหนังสือ / วัสดุ
สัมภาษณ์นักเรียน / ครู
๑.๒ ผู้บริหารมีการกำหนดนโยบาย และแผนงาน การดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๒.๑ มีแผนการพัฒนาห้องสมุดไว้ในแผนกลยุทธ์ของโรงเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร
๑.๒.๒ กำหนดนโยบายการใช้ห้องสมุดเพื่อการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๑.๒.๓ กำหนดนโยบายการใช้ห้องสมุดเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
แนวทางการให้คะแนน
มี ๑ ข้อ ได้ ๑ คะแนนมี ๒ ข้อ ได้ ๒ คะแนน
มีครบทุกข้อ ได้ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- แผนพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
- แผนการจัดการเรียนรู้ของกลุ่มสาระฯ ต่างๆ
- แผนกลยุทธ์/แผนปฏิบัติ
ราชการของโรงเรียน
- โครงการต่าง ๆ - แผนภูมิโครงสร้างการ บริหาร
- กิจกรรม /โครงการส่งเสริมให้ครูและนักเรียนรักการ อ่าน
- สถิติการเข้าใช้ห้องสมุด
- มีคำสั่งมอบหมายงานชัดเจน
๑.๓ ผู้บริหารจัดให้มีโครงสร้างการบริหารงานที่ชัดเจน
๑.๓.๑ มีการกำหนดโครงสร้าง ระบบการบริหารงานห้องสมุด และคณะกรรมการดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๓.๒ กำหนดบทบาทหน้าที่ของบุคลากรตามโครงสร้าง และส่งเสริมให้มีการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่ ๑.๓.๓ มีการประชุมชี้แจงบทบาทหน้าที่คณะกรรมการเพื่อการบริหารงานห้องสมุด
๑.๓.๔ แต่งตั้งครูที่ทำหน้าที่บรรณารักษ์เป็นคณะกรรมการฝ่ายวิชาการ
แนวทางการให้คะแนน
มี ๑ ข้อ ได้ ๑ คะแนนมี ๒ - ๓ ข้อ ได้ ๒ คะแนน
มีครบทุกข้อ ได้ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- มีคำสั่งมอบหมายงานที่ชัดเจน
๑.๔ ผู้บริหารจัดให้มีครูทำหน้าที่บรรณารักษ์และบุคลากรดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๔.๑ มีการแต่งตั้ง/ มอบหมายครูให้ทำหน้าที่บรรณารักษ์และบุคลากรดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน ๑.๔.๒ มีการเสริมแรง สร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรที่ ทำหน้าที่ดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียน
๑.๔.๓ มีการส่งเสริมสนับสนุน และสร้างโอกาสให้บุคลากรที่ทำหน้าที่ดำเนินงานห้องสมุดโรงเรียนได้รับการพัฒนา
แนวทางการให้คะแนน
มี ๑ ข้อ ได้ ๑ คะแนนมี ๒ - ๓ ข้อ ได้ ๒ คะแนน
มีครบทุกข้อ ได้ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- มีคำสั่งมอบหมายงานที่ชัดเจน
- สัมภาษณ์ สังเกต
- มีหลักฐานการขออนุญาตเข้าร่วมประชุม สัมมนา- มีบัตรสมาชิก
๑.๕ ผู้บริหารจัดหางบประมาณสำหรับพัฒนาห้องสมุด
๑.๕.๑ มีการจัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อสนับสนุนและพัฒนาห้องสมุด
แนวทางการให้คะแนน
๑. จัดสรรงบประมาณประจำปีร้อยละสิบของเงินอุดหนุนได้ ๑ คะแนน
๒. จัดสรรงบประมาณประจำปีร้อยละยี่สิบของเงินอุดหนุนได้ ๒ คะแนน
๓. จัดสรรงบประมาณประจำปีมากกว่าร้อยละยี่สิบของเงินอุดหนุน ได้ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- คำสั่ง
- แผนพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
- แผนกลยุทธ์/แผนปฏิบัติราชการของโรงเรียน
๑.๖ ผู้บริหารนิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
๑.๖.๑ มีแผนการนิเทศงานห้องสมุด
๑.๖.๒ มีการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล
๑.๖.๓ มีการรายงานผลการดำเนินงานต่อหน่วยงานต้นสังกัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง
๑.๖.๔ มีการนำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนา
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๓ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๔ คะแนน
- แผนการนิเทศ
- หลักฐานการนิเทศ รายงานผล
มาตรฐานที่ ๒ ผู้บริหารส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
๒.๑ ผู้บริหารให้ชุมชนมาใช้บริการห้องสมุดในการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง
๒.๒ ผู้บริหารจัดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน ๒.๓ ผู้บริหารเปิดโอกาสชุมชนร่วมเป็นกรรมการงานห้องสมุด ๒.๔ ผู้บริหารสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานและองค์กรอื่นๆเพื่อพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๓ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๔ คะแนน
สังเกต
สัมภาษณ์
ภาพถ่าย
มาตรฐานที่ ๓ ผู้บริหารเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเอง
๓.๑ ผู้บริหารเข้ารับการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน แลก เปลี่ยน ประสบการณ์ด้านห้องสมุดอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
๓.๒ ผู้บริหารใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน
๓.๓ ผู้บริหารมีนิสัยรักการอ่าน
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- เกียรติบัตร
- หลักฐานการเข้าร่วมประชุม สัมมนา
- หนังสือ
- สถิติการยืม-คืนหนังสือ
- บันทึกการอ่าน
- สังเกต สัมภาษณ์
หมวดที่ ๒ มาตรฐานด้านครู
๒.๑ ครูบรรณารักษ์
มาตรฐาน
ตัวบ่งชี้
เกณฑ์การประเมิน
ข้อมูลเชิงประจักษ์
มาตรฐานที่ ๑ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการดำเนิน งานห้องสมุด
๑.๑ ครูบรรณารักษ์มีการกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาห้องสมุดโรงเรียน
๑.๒ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาห้องสมุด ที่มีการกำหนดเป้าหมายหรือจุดประสงค์ที่ชัดเจน
๑.๓ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาห้องสมุดที่สอดรับกับแผนกลยุทธ์ของโรงเรียน
๑.๔ ครูบรรณารักษ์มีการกำหนดโครงสร้างการปฏิบัติงาน(งานบริหารจัดการห้องสมุด งานประชาสัมพันธ์ งานเทคนิค งานบริการ และงานกิจกรรม) อย่างครบถ้วน
๑.๕ ครูบรรณารักษ์มีการจัดสถานที่ สภาพแวดล้อม และบรรยากาศห้องสมุดให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้
๑.๖ ครูบรรณารักษ์มีการประเมินผลการดำเนินงาน
๑.๗ มีครูบรรณารักษ์การนำผลการประเมินมาใช้ในการพัฒนาห้องสมุด
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๔ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๕ - ๖ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๗ คะแนน
- แผนพัฒนางานห้องสมุด- สถิติการใช้บริการ
- แผ่นพับประชาสัมพันธ์
- สังเกตสภาพแวดล้อม
- แบบประเมินงาน / ผลการดำเนินงาน
- ข้อมูลแสดงการนำผลการประเมินมาใช้พัฒนาต่อไป
มาตรฐานที่ ๒ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการปฏิบัติงานเทคนิค
๒.๑ ครูบรรณารักษ์จัดให้มีทรัพยากรสารสนเทศที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร
๒.๒ ครูบรรณารักษ์จัดให้มีทรัพยากรสารสนเทศที่มีเนื้อหาตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการ
๒.๓ ครูบรรณารักษ์จัดหมวดหมู่ และทำบัตรรายการหรือทำรายการ (ด้วยฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์) ของทรัพยากรสารสนเทศ
๒.๔ ครูบรรณารักษ์ปฏิบัติงานเทคนิคเพื่อเตรียมให้บริการ
๒.๕ ครูบรรณารักษ์ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศอย่างเหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน
๒.๖ ครูบรรณารักษ์ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บและสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศได้สะดวกต่อการเข้าถึงและใช้บริการ
๒.๗ ครูบรรณารักษ์สำรวจและบำรุงรักษาทรัพยากรสารสนเทศให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๔ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๕ - ๖ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๗ คะแนน
- ทะเบียนทรัพยากรสารสนเทศ
- แผนการจัดหาทรัพยากร- สังเกตระบบการจัดหมวดหมู่การสืบค้น การเข้าถึงสารสนเทศ
มาตรฐานที่ ๓ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการให้บริการ
๓.๑ ครูบรรณารักษ์จัดทำระเบียบการใช้ห้องสมุดโรงเรียน
๓.๒ ครูบรรณารักษ์มีการจัดทำตารางการใช้ห้องสมุดที่ชัดเจน
๓.๓ ครูบรรณารักษ์มีการแนะนำการใช้ห้องสมุด
๓.๔ ครูบรรณารักษ์จัดบริการการอ่าน และการศึกษาค้นคว้า
๓.๕ ครูบรรณารักษ์จัดบริการยืม - คืน
๓.๖ ครูบรรณารักษ์จัดบริการตอบคำถามและช่วยค้นคว้า
๓.๗ ครูบรรณารักษ์จัดบริการเชิงรุกอย่างหลากหลาย
๓.๘ ครูบรรณารักษ์จัดบริการสืบค้นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์และทาง อินเทอร์เน็ต
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๓ คะแนนระดับ ๒ ได้ ๔ - ๖ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๗ - ๘ คะแนน
- ระเบียบการใช้บริการ- ตารางการใช้ห้องสมุด- สถิติการยืม – คืน- สังเกต- สัมภาษณ์
มาตรฐานที่ ๔ ครูบรรณารักษ์มีความสามารถในการจัดกิจกรรม
๔.๑ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมห้องสมุดเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๔.๒ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างหลากหลาย
๔.๓ ครูบรรณารักษ์จัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- แผนปฏิบัติงาน
- แผนพัฒนาห้องสมุด
- การประเมินโครงการ
- รูปภาพ
- สรุปโครงการ
- สถิติ
มาตรฐานที่ ๕ ครูบรรณารักษ์มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
๕.๑ ครูบรรณารักษ์มีการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และมีนิสัยรักการอ่าน
๕.๒ ครูบรรณารักษ์เข้ารับการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน อย่างต่อเนื่อง
๕.๓ ครูบรรณารักษ์เป็นสมาชิกสมาคมและหรือชมรมวิชาชีพ ที่เกี่ยวกับห้องสมุด
๕.๔ ครูบรรณารักษ์สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินงานห้องสมุด
แนวทางการให้คะแนน
มีลักษณะตามตัวบ่งชี้ให้ข้อละ ๑ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๓ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๔ คะแนน
- บันทึกการรายงานการประชุม
- หลักฐานอื่น ๆ เช่น เกียรติบัตร
- สังเกต สัมภาษณ์
- สถิติการใช้ห้องสมุด
- คำสั่ง หนังสือเชิญ
หนังสือตอบรับ
๒.๒ ครูผู้สอน
มาตรฐาน
ตัวบ่งชี้
เกณฑ์การประเมิน
ข้อมูลเชิงประจักษ์
มาตรฐานที่ ๖ ครูผู้สอนมีการใช้ห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอน
๖.๑ ครูผู้สอนมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการการใช้ห้องสมุดในสาระการเรียนรู้ที่ตนเองรับผิดชอบ
๖.๒ ครูผู้สอนมีส่วนร่วมในการเสนอหรือคัดเลือกทรัพยากรสารสนเทศ
๖.๓ ครูผู้สอนมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้
๖.๔ ครูผู้สอนมีส่วนร่วมในการประเมินผลการใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งเรียนรู้
แนวทางการให้คะแนน
- ครูร้อยละ ๗๐-๘๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- ครูร้อยละ ๘๑ – ๙๐ ปฏิบัติได้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- ครูร้อยละ ๙๑ – ๑๐๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๔ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๕-๘ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๙-๑๒ คะแนน
- แผนการจัดการเรียนรู้
- บันทึกรายงานการประชุม
- ภาพถ่าย
- ป้ายนิทรรศการ ฯลฯ
มาตรฐานที่ ๗ ครูผู้สอนมีการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่นักเรียน
๗.๑ ครูผู้สอนจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในสาระการเรียนรู้ที่ตนเองรับผิดชอบอย่างหลากหลาย
๗.๒ ครูผู้สอนจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในสาระการเรียนรู้ที่ตนเองรับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ
๗.๓ ครูผู้สอนประสานความร่วมมือกับครูบรรณารักษ์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน
๗.๔ ครูผู้สอนประเมินผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน
๗.๕ ครูผู้สอนประเมินผลงานที่เกิดจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
๗.๖ ครูผู้สอนรายงานผลการประเมินผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านต่อผู้บริหารโรงเรียน
๗. ๗ ครูผู้สอนมีการนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน
แนวทางการให้คะแนน
- ครูร้อยละ ๗๐ – ๘๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- ครูร้อยละ ๘๑ – ๙๐ ปฏิบัติได้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- ครูร้อยละ ๙๑ – ๑๐๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๗ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๘-๑๔ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๑๕-๒๑ คะแนน
- แผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน- ผลงานจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน- สังเกต- สัมภาษณ์
มาตรฐานที่ ๘ ครูผู้สอนมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
๘.๑ ครูผู้สอนใช้ห้องสมุดเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาการสอนและพัฒนาตนเอง
๘.๒ ครูผู้สอนเข้ารับการประชุม อบรม สัมมนา ศึกษาดูงานด้านห้องสมุดหรือแหล่งการเรียนรู้ / กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปีการศึกษา
๘.๓ ครูผู้สอนมีนิสัยรักการอ่าน
แนวทางการให้คะแนน
- ครูร้อยละ ๗๐ - ๘๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- ครูร้อยละ ๘๑-๙๐ ปฏิบัติได้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- ครูร้อยละ ๙๑ – ๑๐๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๑ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๓ คะแนน
- คำสั่ง- ใบประกาศ- รางวัล โล่
- สถิติ
- บันทึกการอ่าน
- สังเกต สัมภาษณ์
- บันทึกการประชุม
หมวดที่ ๓ มาตรฐานด้านผู้เรียน
มาตรฐาน
ตัวบ่งชี้
เกณฑ์การประเมิน
ข้อมูลเชิงประจักษ์
มาตรฐานที่ ๑ ผู้เรียนมีความสามารถในการรับรู้ เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสารสนเทศ
๑.๑ ผู้เรียนกำหนดลักษณะและขอบเขตของสารสนเทศที่ต้องการได้
๑.๒ ผู้เรียนค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๑.๓ ผู้เรียนตัดสินใจเลือกสารสนเทศที่เข้าถึงได้อย่างถูกต้อง
๑.๔ ผู้เรียนสรุป เรียบเรียงแนวคิดจากสารสนเทศที่ค้นพบได้
๑.๕ ผู้เรียนจัดเก็บ / เผยแพร่สารสนเทศได้
๑.๖ ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้จากการศึกษาค้นคว้าได้
๑.๗ ผู้เรียนมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ
๑.๘ ผู้เรียนมีคุณธรรมและจริยธรรม ในการใช้ทรัพยากรสารสนเทศ
แนวทางการให้คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๗๐ - ๘๐ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๘๑ - ๙๐ ปฏิบัติได้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๙๑ - ๑๐๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๘ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๙ - ๑๗ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๑๘ - ๒๔ คะแนน
- สัมภาษณ์ - สังเกต
- ตอบแบบสอบถาม
- รายงาน ชิ้นงาน
มาตรฐานที่ ๒ ผู้เรียนความใฝ่รู้ใฝ่เรียนและมีนิสัยรักการอ่าน
๒.๑ ผู้เรียนเข้าใช้ห้องสมุดอย่างสม่ำเสมอ
๒.๒ ผู้เรียนยืมหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
๒.๓ ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่โรงเรียนจัดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
๒.๔ . ผู้เรียนมีปริมาณการอ่านหนังสือเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับระดับชั้น
แนวทางการให้คะแนน ข้อ ๒.๑ – ๒.๓
- นักเรียนร้อยละ ๗๐ - ๘๐ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๘๑ - ๙๐ ปฏิบัติได้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๙๑ - ๑๐๐ ปฏิบัติได้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการให้คะแนนข้อ ๒.๔
- นักเรียนร้อยละ ๗๐ - ๘๐ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ
ได้ ๔ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๘๑ - ๙๐ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ
ได้ ๕ คะแนน
- นักเรียนร้อยละ ๙๑ - ๑๐๐ ปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ
ได้ ๖ คะแนน
ปริมาณการอ่านหนังสือขั้นต่ำ
ประถมศึกษาปีที่๑
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๑ เล่มต่อปี
ประถมศึกษาปีที่๒
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๓ เล่มต่อภาคเรียน
ประถมศึกษาปีที่๓
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๔ เล่มต่อภาคเรียน
ประถมศึกษาปีที่๔
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๕ เล่มต่อภาคเรียน
ประถมศึกษาปีที่๕
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๕ เล่มต่อภาคเรียน
ประถมศึกษาปีที่๖
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๕ เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๑
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย
คนละ๕ เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๒
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย
คนละ๖ เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๓
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๗ เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๔
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๑๐ เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๕
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๑๐เล่มต่อภาคเรียน
มัธยมศึกษาปีที่ ๖
- อ่านหนังสือเพิ่มเติมอย่างน้อย คนละ ๑๐ เล่มต่อภาคเรียน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๗ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๘ - ๑๒ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๑๓ - ๑๕ คะแนน
- สังเกต- สัมภาษณ์- สถิติการยืม – คืนหนังสือ
จากห้องสมุด
- สมุดบันทึกการอ่าน
- ร้อยละของนักเรียนที่อ่านหนังสือได้ตามเกณฑ์
- การสมัครเข้าเป็นผู้ช่วยครูบรรณารักษ์
หมวดที่ ๔ ทรัพยากรสารสนเทศ
มาตรฐาน
ตัวบ่งชี้
เกณฑ์การประเมิน
ข้อมูลเชิงประจักษ์
มาตรฐานที่ ๑ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุตีพิมพ์
๑.๑ ห้องสมุดมีจำนวนหนังสือ หนังสืออ้างอิง วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร ในปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับหลักสูตร และความต้องการของผู้ใช้บริการ
๑. ๒ ห้องสมุด มีหนังสือที่สอดคล้องกับหลักสูตรและตอบสนองความเพลิดเพลินจำนวน ๒๐ เล่ม ขึ้นไปต่อนักเรียนหนึ่งคน
๑.๓ มีหนังสืออ้างอิง ๑ เล่ม ต่อนักเรียน ๒๐ คน และมี
๑.๓.๑ พจนานุกรมฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน ๑ เล่มต่อ นักเรียน ๑๐๐ คน
๑.๓.๒ สารานุกรมไทย
สำหรับเยาวชน ๑ ชุดต่อ
นักเรียน ๑๐๐ คน (ถ้านักเรียน ๑,๐๐๐ คนขึ้นไปมี ๑๐ ชุด)
๑.๓.๓ เอกสารหลักสูตร
สำหรับครู ได้แก่ หลักสูตร
และเอกสารประกอบหลักสูตร ครบทุกชั้นทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
๑.๔ มีวารสาร/นิตยสารที่มีการบอกรับเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ๕ ชื่อเรื่องขึ้นไป
๑.๕ มีหนังสือพิมพ์ ๒ ชื่อเรื่องขึ้นไป
แนวทางการให้คะแนน
- มีจำนวนน้อยกว่าที่ระบุในตัวบ่งชี้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- มีจำนวนตามที่ระบุในตัวบ่งชี้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- มีจำนวนมากกว่าที่ระบุใน ตัวบ่งชี้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๗ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๘ - ๑๔ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๑๕ - ๒๑ คะแนน
- ทรัพยากรสรสนเทศในห้องสมุด- สังเกต- สัมภาษณ์ผู้ใช้บริการ
- สมุดทะเบียน / รายชื่อวัสดุตีพิมพ์ / วัสดุไม่ตีพิมพ์
มาตรฐานที่ ๒ ทรัพยากรสารสนเทศประเภทวัสดุไม่ตีพิมพ์
๒.๑ ห้องสมุดมีวัสดุ สื่อประกอบการเรียนรู้ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในปริมาณที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักสูตร และความต้องการของผู้ใช้บริการ เช่น
๑. ลูกโลก ๑ ลูก
๒. แผนที่
๓. เกม ๑๐ เกม
๔. ของเล่นเสริมทักษะ ๑๐ ชุด
๕. ชุดภาพพลิก ๕ ชุด
๖. วีดิทัศน์ ๒๐ เรื่อง
๗. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ๕ ชุด (เฉพาะโรงเรียนที่มีคอมพิวเตอร์)
๘. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
๙. อินเทอร์เน็ต ๒ ชุดขึ้นไปหรือเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ ในห้องสมุด (เฉพาะโรงเรียนที่มีโครงข่ายโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ใช้ในห้องสมุด)
แนวทางการให้คะแนน
- มีจำนวนน้อยกว่าที่ระบุในตัวบ่งชี้ ได้ข้อละ ๑ คะแนน
- มีจำนวนตามที่ระบุในตัวบ่งชี้ ได้ ข้อละ ๒ คะแนน
- มีจำนวนมากกว่าที่ระบุใน ตัวบ่งชี้ ได้ข้อละ ๓ คะแนน
แนวทางการประเมิน
ระดับ ๑ ได้ ๗ คะแนน
ระดับ ๒ ได้ ๘ - ๑๔ คะแนน
ระดับ ๓ ได้ ๑๕ - ๒๑ คะแนน
- ทะเบียนทรัพยากร
- สังเกต
- สัมภาษณ์
การสรุปผลการประเมิน
๑. การสรุปผลในแต่ละมาตรฐานย่อยมีการกำหนดเกณฑ์การประเมินไว้ ๓ ระดับ คือ
ระดับ ๑ หมายถึง พอใช้ (ควรปรับปรุง)
ระดับ ๒ หมายถึง ดี
ระดับ ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม ๒. การสรุปผลในภาพรวม กำหนดน้ำหนักคะแนนในแต่ละหมวดเท่า ๆ กัน คือ หมวดละ ๒๕ คะแนน โดยการเทียบบัญญัติไตรยางค์จากคะแนนที่ได้ในแต่ละหมวดดังนี้
หมวดที่ ๑ มาตรฐานด้านผู้บริหาร คะแนนเต็ม ๓๓ คะแนน ปรับให้เป็น ๒๕ คะแนนโดยเอาคะแนนที่ได้ คูณด้วย .๗๕๗๕
หมวดที่ ๒ มาตรฐานด้านครู คะแนนเต็ม ๖๕ คะแนน ปรับให้เป็น ๒๕ คะแนนโดยเอาคะแนนที่ได้ คูณด้วย .๓๘๔๖
หมวดที่ ๓ มาตรฐานด้านผู้เรียน คะแนนเต็ม ๓๙ คะแนน ปรับให้เป็น ๒๕ คะแนนโดยเอาคะแนนที่ได้ คูณด้วย .๖๔๑๐
หมวดที่ ๔ มาตรฐานด้านทรัพยากรสารสนเทศ คะแนนเต็ม ๔๒ คะแนน ปรับให้เป็น ๒๕ คะแนนโดยเอาคะแนนที่ได้ คูณด้วย .๕๙๕๒
แล้วนำคะแนนทุกหมวดมารวมกันเทียบกับเกณฑ์ดังนี้
ระดับ ๑ หมายถึง พอใช้ (ควรปรับปรุง) มีคะแนนน้อยกว่า ๗๐ คะแนน
ระดับ ๒ หมายถึง ดี มีคะแนน ๗๑ - ๘๕ คะแนน
ระดับ ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม มีคะแนน มากกว่า ๘๕ คะแนน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น